โบราณสถานและประวัติศาสตร์ (Historic Building)

ปราสาทหินพนมวัน (Prasat Hin Phanom Wan)
สถานที่ตั้ง : อำเภอเมือง
ปราสาท หินพนมวัน
ตั้งอยู่ที่บ้านมะค่า ตำบลโพธิ์ จากตัวเมืองไปตามทางหลวงหมายเลข 2 (นครราชสีมา-ขอนแก่น)
ประมาณ 14-15 กิโลเมตร จะมีป้ายบอกทางด้านขวามือ
แยกเข้าไปอีกประมาณ 5 กิโลเมตร
เป็นปราสาทขอมที่น่าชมอีกแห่งหนึ่ง
สันนิษฐานว่าเดิมก่อสร้างด้วยอิฐในราวพุทธศตวรรษที่ 15 ต่อมาในราวพุทธศตวรรษที่
18-19 จึงได้สร้างอาคารหินซ้อนทับลงไป
ปราสาทนี้ถูกสร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมแบบขอม มีลักษณะคล้ายครึงกับปราสาทหินพิมายแต่มีขนาดเล็กกว่า
จากจารึกที่ค้นพบ เรียกปราสาทแห่งนี้ว่า "เทวาศรม"
เป็นศาสนสถานในศาสนาฮินดู ต่อมาจึงได้เปลี่ยนแปลงให้เป็นพุทธสถาน
ปัจจุบันแม้จะหักพังไปมาก
แต่ยังคงเห็นซากโบราณสถานหลงเหลือเป็นเค้าโครงค่อนข้างชัดเจนเช่น ปรางค์จตุรมุของค์ประธานหลักซึ่งหันหน้าไปทางทิศตะวันออกโดยมีมณฑปอยู่
เบื้องหน้าและมีฉนวน (ทางเดิน) เชื่อมต่อระหว่างอาคารทั้งสอง
ทาง
ด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ของปรางค์มีอาคารก่อด้วยหินทรายสีแดงเรียกว่า
"ปรางค์น้อย" ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปหินขนาดใหญ่ บริเวณโดยรอบปราสาทมีระเบียงคตสร้างด้วยหินทรายและศิลาแลงล้อมเป็นกำแพงอยู่
มีโคปุระ (ประตูทางเข้าเทวสถาน) ก่อสร้างเป็นรูปหอสูงทั้งสี่ทิศ
บริเวณรอบนอกปราสาททางด้านทิศตะวันออกห่างจากโบราณสถานเกือบ 300 เมตร
มีร่องรอยของคูน้ำและเนินดินเรียกว่า "เนินอรพิม" นอกจากนี้ยังพบศิลาแลงจัดเรียงเป็นแนวคล้ายซากฐานอาคารบนเนินแห่งนี้ด้วย
ปรางค์กู่ (Prang Ku)
ปรางค์กู่ (Prang Ku)
สถานที่ตั้ง : อำเภอเมือง
ปรางค์ กู่
ตั้งอยู่ที่วัดบ้านกู่ ตำบลดอนตะหนิน ห่างจากตัวเมืองเป็นระยะทาง 67 กิโลเมตร
เป็นรูปแบบของโบราณวัตถุโบราณสมัยขอม ลักษณะเป็นฐานสี่เหลี่ยม ก่อด้วยศิลาแลงวางซ้อนกันจากฐานถึงยอด
ภายในบรรจุพระพุทธรูปดินเผา
สถานที่ตั้ง : อำเภอโชคชัย
ปรางค์ พะโคเป็นศาสนสถานสมัยขอมก่อสร้างด้วยหินทรายสีขาว
แต่เดิมประกอบด้วยกลุ่มโบราณสถาน 3 หลัง
แต่ปัจจุบันคงเหลืออยู่แค่ 2 หลัง
มีคูน้ำล้อมรอบเป็นรูปเกือกม้า ทางเข้าอยู่ทางด้านทิศตะวันออก
ได้พบชิ้นส่วนหน้าบัน
ประตูหลอกที่แสดงถึงอิทธิพลวัฒนธรรมเขมรแบบปาปวนในราวพุทธสตวรรษที่ 16 ปัจจุบันเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพิมาย ตั้งอยู่ที่ตำบลกระโทก
จากตัวเมืองใช้ทางหลวงหมายเลข 224 ประมาณ 29 กิโลเมตร ต่อด้วยทางหลวงหมายเลข 2071 อีกประมาณ 3
กิโลเมตร ตัวปราสาทจะอยู่ทางขวา
เมืองโคราช (Muang Khorat)
สถานที่ตั้ง : อำเภอสูงเนิน
เมือง
โคราชเป็นเมืองโบราณสมัยขอม ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจังหวัดนครราชสีมา
ห่างจากตัวเมืองเป็นระยะทาง 32 กิโลเมตร
ทางไปอำเภอสูงเนินมีะยะทาง 3 กิโลเมตร
เลี้ยวขวาที่วัดญาณโสภิตวนาราม ซากปรักหักพังของปราสาทหินโนนกู่
ปราสาทหินเมืองแขกและปราสาทหินเมืองเก่า
ซึ่งได้รับการบูรณะปฏิสังขรแล้วโดยกรมศิลปากร
เมืองเสมา (Muang Sema)
สถานที่ตั้ง : อำเภอสูงเนิน เมือง เสมาตั้งอยู่ที่ตำบลเสมา อยู่ห่างจากตลาดสูงเนินเป็นระยะทาง 4 กิโลเมตร ยังคงเป็นเมืองร้างที่มีพื้นที่เป็นวงรี มีความก้าง 1,400 เมตรและยาว 2,000 เมตร ล้อมรอบด้วยกำแพงหินศิลาแลง มีการขุดค้นพบโบราณวัตถุจำนวนมาก ซึ่งรวมถึงพระพุทธรูปนอนในวัดเสมาธรรมจักรมีความยาว 11.7 เมตร ที่สร้างจากหินทรายและเศษซากของหินเสมาโบราณ สิ่งที่ถูกค้นพบเหล่านี้ แสดงให้เห็นว่าบริเวณนี้เป็นพื้นของพระอุโบสถที่ศักดิ์สิทธิ์ เชื่อว่าเมืองนี้ได้ถูกสร้างขึ้นในสมัยทวารวดี

ปราสาทนางรำ (Prasat Nang Ram)
สถานที่ตั้ง : อำเภอพิมาย
ปราสาท นางรำ
ตั้งอยู่ที่บ้านนางรำ ตำบลนางรำ ห่างจากตัวเมือง 79 กิโลเมตร
ใช้เส้นทางหมายเลข 2 ผ่านทางเข้าอำเภอพิมายไปจนถึงแยกบ้านวัด
ระยะทาง 62 กิโลเมตร เลี้ยวเข้าทางหลวง 207 ไปประมาณ 22 กิโลเมตร มีทางแยกซ้ายไปปราสาทนางรำอีก 4
กิโลเมตร เป็นอโรคยาศาลที่สร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมแบบขอม
ในราวพุทธศตวรรษที่ 18
ใช้ เป็นสถานที่รักษาพยาบาล ประกอบด้วย ปราสาทองค์กลาง มีมุขยื่นออกไปข้างหน้า หันหน้าไปทางทิศตะวันออก ส่วนทางด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ของปราสาทมีวิหารก่อด้วยศิลาแลงหันหน้าไปทาง ทิศตะวันตก มีกำแพงศิลาแลงล้อมรอบ นอกกำแพงด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือมีสระน้ำขนาดเล็กก่อด้วยศิลาแลง ถัดจากปราสาทนางรำไปทางทิศใต้ 80 เมตร มีปราสาทอีก 3 หลัง เรียงกันในแนวเหนือ-ใต้ มีกำแพงศิลาแลงและคูน้ำรูปเกือกม้าล้อมรอบ
ใช้ เป็นสถานที่รักษาพยาบาล ประกอบด้วย ปราสาทองค์กลาง มีมุขยื่นออกไปข้างหน้า หันหน้าไปทางทิศตะวันออก ส่วนทางด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ของปราสาทมีวิหารก่อด้วยศิลาแลงหันหน้าไปทาง ทิศตะวันตก มีกำแพงศิลาแลงล้อมรอบ นอกกำแพงด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือมีสระน้ำขนาดเล็กก่อด้วยศิลาแลง ถัดจากปราสาทนางรำไปทางทิศใต้ 80 เมตร มีปราสาทอีก 3 หลัง เรียงกันในแนวเหนือ-ใต้ มีกำแพงศิลาแลงและคูน้ำรูปเกือกม้าล้อมรอบ
อุทยานประวัติศาสตร์พิมาย (The Phimai Historical Park)

อุทยาน
ประวัติศาสตร์พิมายเป็นโบราณสถานที่ใหญ่แห่งหนึ่งของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
มีวัดอยู่หลายแห่งและหลายขนาด ลักษณะโครงสร้างส่วนใหญ่เชื่อกันว่าถูกสร้างขึ้นเมื่อพันปีมาแล้ว
ซึ่งสร้างขึ้นจากหินทราย หรือการรวมกันของทั้งสองวัตถุสองประเภท
ถูกสร้างขึ้นโดยคนของพราหมณ์
วัดเหล่านี้มีฐานสามถึงห้าชั้นสูงขึ้นไปเป็นยอดแหลมโดดเด่น
ที่สร้างขึ้นโดยพุทธศาสนิกชน ซึ่งมีฐานต่ำยอดไม่สูง
ตั้ง อยู่ในตัวอำเภอพิมาย
ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของโคราช เป็นระยะทาง 60 กิโลเมตร
ตามเส้นทางสายมิตรภาพ (โคราช-ขอนแก่น) อุทยานประวัติศาสตร์พิมาย
ครอบคลุมพื้นที่เมืองโบราณอันเป็นที่ตั้งของศาสนสถานที่ใหญ่โตและงดงามแห่ง หนึ่ง
คือ "ปราสาทหินพิมาย" ซึ่งมีความกว้าง 665 เมตร
และยาว 1,030 เมตร
เป็นแหล่งโบราณคดีที่ทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์สร้างขึ้นในราวปลายพุทธ ศตวรรษที่ 16
และมาต่อเติมอีกครั้งในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ราวต้นพุทธศตวรรษที่ 18 ซึ่งครั้งนั้นเมืองพิมายเป็นเมืองใหญ่ของขอมบนแผ่นดินที่ราบสูง
ทุกวันนี้พระวิหารได้รับการบูรณะปฏิสังขรและตกแต่งอย่างงดงาม
ซาก
โบราณสถานปรักหักพังของสถาปัตยกรรมขอมโบราณที่น่าสนใจ
ได้รับการบำรุงรักษาไว้เป็นอุทยาน ประวัติศาสตร์แห่งชาติ
อนุยาทนี้ถูกล้อมรอบด้วยกำแพงหินทรายสีแดง ผนังภายนอกและแกลเลอรี่
มีซุ้มประตูหรือที่เรียกว่า โคปุระ
ที่มีผังเป็นรูปกากบาทและมีซุ้มประตูลักษณะเดียวกันนี้อีก 3 ทิศ คือ ทิศเหนือ
ทิศตะวันออก และทิศตะวันตก ทางเดินกลางจะประดับด้วยราว สะพานนาคราช
เป็นเส้นทางไปยังทิศใต้ที่มีเส้นทางผ่านจากพระนคร (อังกอร์)
ปรางค์ หินทรายสีขาว ที่องค์ปรางค์มีความสูง 28 เมตรและ ขนาบข้างด้วย 2 ปรางค์ ด้านซ้ายถูกสร้างขึ้นด้วยศิลาแลงเรียกว่า "ปรางค์พรหมทัต"และด้านขวาถูกสร้างขึ้นด้วยหินทราย เรียกว่า "ปรางค์หินแดง" หลักฐานจากวิหารหลักพบว่าซุ้มประตูภายนอกทั้งหมด รวมทั้งหน้าจั่วที่แสดงความเกี่ยวข้องกับศาสนาฮินดู เช่น ภาพแกะสลักของเรื่องรามเกียรติ์ หรือ สัญลักษณ์ของเทพเจ้าฮินดู เช่น พระศิวะและพระวิษณุ ส่วนซุ้มประตูภายในเกี่ยวข้องกับศาสนาศิลปะทั่วไปของพุทธศาสนานิกายมหายาน แต่ก็สามารถสรุปได้ว่าทางเขตรักษาพันธุ์พิมาย ได้สร้างขึ้นเพื่อบูชาทั้งพุทธศาสนานิกายมหายานและศาสนาฮินดู
ลักษณะ ทางพุทธศาสนาที่มีมากกว่าเทพเจ้าฮินดู
พระศิวะ และพระแม่อุมามหาเทวี
น่าจะหมายความว่าพระพุทธศาสนาได้รับการนับถือมากขึ้นกว่าศาสนาฮินดู จากการพบ 2 หินศิลาจาลึก
หินแรกกล่าวถึงชื่อพระมหากษัตริย์ คือ พระเจ้าสุริยวรมันที่ 1 (1545-1593) ในขณะที่หินที่ 2 ที่ซุ้มประตูทางทิศใต้
เป็นการกล่าวถึงชื่อพระนางมหากษัตริย์ คือ พระเจ้าธรณินทรวรมันที่ 1 (พ.ศ. 1650-1656) ศิลาจารึกเหล่านี้ใน
ยุคต่างๆได้ตรงกับลักษณะของศิลปวัตถุที่พบในพระปรางค์องค์กลาง
ถึงแม้ว่าซากโบราณสถานปราสาทหินพิมายถูกบูรณะขึ้นมา สัญนิษฐานว่าปูชนียสถานนี้อาจถูกสร้างขึ้นในระหว่างช่วงกลางพุทธวรรษที่
17 และ 18
อุทยานประวัติศาสตรพิมายเปิดให้เข้าชมทุกวัน : เวลา 07.30-18.00 น.
ค่าเข้าชม : คนไทยคนละ 10 บาท ชาวต่างประเทศคนละ 40 บาท
ค่าเข้าชม : คนไทยคนละ 10 บาท ชาวต่างประเทศคนละ 40 บาท
ศาสนสถาน (Religious Site)
วัดพระนารายมหาราช (Wat Phra Narai Maharat)สถานที่ตั้ง : อำเภอเมือง
วัด พระนารายมหาราช
ตั้งอยู่ที่ถนนประจักษ์ องค์พระนารายณ์ (เทพเจ้าฮินดู) ทำจากหินทราย
รูปหล่อถือว่าเป็นวัตถุมงคลที่สำคัญของเมือง ยังเป็นที่ประดิษฐานของเสาหลักเมือง
วัดป่าศาลาวัน (Wat Pa Salawan)
สถานที่ตั้ง : อำเภอเมือง
ตั้ง อยู่ในตัวเมือง
หลังสถานีรถไฟนครราชสีมา เป็นวัดหนึ่งที่ได้เก็บรักษาพระบรมสารีริกธาตุ
อัฐิธาตุของเกจิอาจารย์ที่เป็นที่เคารพบูชาของศาสนิกชนโดยทั่วไป คือ อาจารย์เสาร์
อาจารย์มั่น รวมทั้งอัฐิของอาจารย์สิงห์
อดีตเจ้าอาวาสที่ได้บุกเบิกสร้างวัดแห่งนี้
สถานที่ตั้ง : อำเภอเมือง
วัด ศาลาลอย ตั้งอยู่ที่
ตำบลโพธิ์กลาง อำเภอเมือง นครราชสีมา อยู่ทางด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือของตัวเมือง
ติดกับเขื่อนลำตะคอง แยกจากถนนรอบไปประมาณ 500 เมตร
พระวิหารหลักที่ได้รับรางวัลมากมายจากสมาคมต่างๆ เช่น
วัดนี้ได้รับรางวัลดีเด่นแนวบุกเบิกอาคารทางศาสนา จากสมาคมสถาปนิกสยาม
ในพระบรมราชูปถัมภ์ ด้วยศาสนสถานที่ถูกสร้างในรูปแบบสำเภาจีน
และรางวัลจากมูลนิธิเสฐียรโกเศศและนาคะประทีปในปี พ.ศ. 2516

วัดหน้าพระธาตุ (Wat Na Phra That)
สถานที่ตั้ง : อำเภอปักธงชัย
วัด หน้าพระธาตุ
ตั้งอยู่ที่บ้านตะคุ จากตัวเมืองนครราชสีมาใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 314 ประมาณ 30 กิโลเมตร (ผ่านสี่แยกปักธงชัย)
มีทางแยกด้านขวามือเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 2238 ไปบ้านตะคุ
ระยะทางประมาณ 4 กิโลเมตร วัดตั้งอยู่ทางซ้ายมือ
วัดนี้เป็นวัดเก่าแก่ สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 ประกอบด้วยสิ่งก่อสร้างต่างๆ ได้แก่ เจดีย์ อุโบสถ และหอไตรกลางน้ำ
หรือห้องเก็บพระไตรปิฎก ที่มีการแกะสลักอย่างประณีต
ซึ่งได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดี มีศิลปะแบบท้องถิ่น ปะปนอยู่มาก
อุโบสถหลังเก่ามีจิตรกรรมฝาผนังสมัยต้นรัตนโกสินทร์
ปรากฎให้เห็นอยู่เกือบสมบูรณ์ทั้งบริเวณผนังด้านหน้าข้างนอกและผนังด้านใน
ทั้งสี่ด้าน เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับทศชาติชาดก และเป็นภาพการสักการะพระพุทธบาท
นอกจากนั้นยังแทรกภาพชีวิตประจำวันของชาวบ้านในสมัยนั้นด้วยเช่น การทำนา การหาปลา
เป็นต้น ทางด้านหน้าอุโบสถหลังเก่า มีสระน้ำรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ที่กลางสระมีหอไตร
1 หลัง ทรงเตี้ยแบบหอไตรพื้นเมืองอีสาน
ซึ่งมีภาพลายรดน้ำที่บานประตูเป็นลวดลายวิจิตรสวยงามมาก
ระหว่างหอไตรและอุโบสถหลังเก่า ยังมีเจดีย์ศิลปะแบบลาวเก่าอีก 1 องค์ สร้างโดยชุมชนที่อพยพมาจากนครเวียงจันทน์
สถานที่ตั้ง : อำเภอด่านขุนทดวัด บ้านไร่ ตั้งอยู่ที่ตำบลกุดพิมาน จากตัวเมืองเดินทางตามถนนมิตรภาพ ระยะทางประมาณ 60 กิโลเมตร ใช้ทางหลวงหมายเลข 2217ป็นระยะทางอีกประมาณ 11 กิโลเมตร วัดบ้านไร่เป็นวัดที่มีชื่อเสียงของจังหวัดเป็นสถานที่จำพรรษาของหลวงพ่อคูณ ปริสทฺโธ เกจิอาจารย์ชื่อดัง ในแต่ละวันมีผู้คนจากทุกสารทิศเดินทางมานมัสการ

วัดปรางค์สีดา (Wat Prang sida)
สถานที่ตั้ง : อำเภอประทาย
ปรางค์ สีดา
ตั้งอยู่ในบริเวณวัดพระปรางค์สีดา ตำบลสีดา จากตัวเมืองใช้ทางหลวงหมายเลข 2 (นครราชสีมา-ขอนแก่น)
ไปประมาณ 84 กิโลเมตร
ถึงบริเวณสี่แยกสีดาเลี้ยวขวาไปตามทางหลวงหมายเลข 202 (ไปทางอำเภอประทาย)
ประมาณ 1.5 กิโลเมตร มีทางแยกซ้ายเข้าวัดอีกราว 2 กิโลเมตร ปรางค์สีดามีลักษณะคล้ายปรางค์กู่ที่ตำบลดอนตะหนิน
แต่ปรางค์สีดาปิดทึบทั้งสี่ด้าน เป็นโบราณสถานในศาสนาพราหมณ์ ศิลปะแบบเขมรโบราณ
ก่อด้วยศิลาแลงจำนวน 1 หลัง
มีลวดลายปูนปั้นประดับหันหน้าไปทางทิศตะวันออกล้อมรอบด้วยกำแพงแก้ว
มีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 17–18
อนุสาวรีย์ (Monument)
อนุสรณ์สถานนางสาวบุญเหลือ (Miss Boonlua Memorial)สถานที่ตั้ง : อำเภอเมือง
ตั้ง อยู่ในบริเวณโรงเรียนบุญเหลือวิทยานุสรณ์ ตำบลโคกสูง อำเภอเมือง ห่างจากตัวเมืองประมาณ 12.5 กิโลเมตร อยู่ทางด้านซ้ายมือตามเส้นทางสายนครราชสีมา-ชัยภูมิ ทำพิธีเปิดเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2529 อนุสาวรีย์หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์สูง 175 เซนติเมตร สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงวีรกรรมของนางสาวบุญเหลือและเหล่าบรรพบุรุษของชาว นครราชสีมาที่ได้พลีชีพเพื่อปกป้องชาติเมื่อครั้งสงครามเจ้าอนุวงศ์ ปี พ.ศ. 2369 ที่ทุ่งสัมฤทธิ์ ด้วยการใช้ดุ้นฟืนติดไฟโยนเข้าใส่กองเกวียนดินดำของกองทัพลาวจนระเบิดเสีย หายหมดสิ้นและตัวนางได้สิ้นชีวิตในการสู้รบในครั้งนั้น
สถานที่ตั้ง : อำเภอเมือง
ตั้ง
อยู่ในบริเวณโรงเรียนบุญเหลือวิทยานุสรณ์ ตำบลโคกสูง อำเภอเมือง
ห่างจากตัวเมืองประมาณ 12.5 กิโลเมตร
อยู่ทางด้านซ้ายมือตามเส้นทางสายนครราชสีมา-ชัยภูมิ ทำพิธีเปิดเมื่อวันที่ 6
กรกฎาคม พ.ศ. 2529 อนุสาวรีย์หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์สูง
175 เซนติเมตร
สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงวีรกรรมของนางสาวบุญเหลือและเหล่าบรรพบุรุษของชาว
นครราชสีมา ที่ได้พลีชีพเพื่อปกป้องชาติเมื่อครั้งสงครามเจ้าอนุวงศ์ในช่วงปี พ.ศ. 2369
ที่ทุ่งสัมฤทธิ์
ด้วยการใช้ดุ้นฟืนติดไฟโยนเข้าใส่กองเกวียนดินดำของกองทัพลาวจนระเบิดเสีย หายหมดสิ้นและตัวนางได้สิ้นชีวิตในการสู้รบในครั้งนั้น
พิพิธภัณฑ์ (Museum)
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ มหาวีรวงศ์ (Maha Weerawong National Museum)
สถานที่ตั้ง : อำเภอเมือง
พิพิธภัณฑสถาน แห่งชาติ
มหาวีรวงศ์ อยู่ตรงข้ามกับศาลากลางจังหวัด
เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ถือกำเนิดจากการรวบรวมโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ
ของสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (อ้วน ติสโส) อดีตพระเถระสำคัญของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ขณะดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสวัดสุทธจินดา อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา
โดยพระองค์ได้สะสมโบราณศิลปวัตถุจากจังหวัดต่างๆ ซึ่งขณะนั้น
ทรงมีอำนาจปกครองคณะสงฆ์อยู่แล้ว นำมาเก็บรักษาไว้ที่วัด ต่อมา
ด้วยความตระหนักถึงคุณค่าทางการศึกษาโบราณศิลปวัตถุเหล่านี้ ได้มีการมอบสิ่งของที่สมเด็จพระมหาวีรวงศ์
(อ้วน ติสโส) รวบรวมได้ให้กับกรมศิลปากร เพื่อเผยแพร่ให้ประชาชนผู้สนใจชม ในปี
พ.ศ. 2497 กรมศิลปากรได้สร้างอาคารชั้นเดียวทรงไทยประยุกต์ขึ้น 1 หลัง ภายในพื้นที่ของวัดสุทธจินดา จัดตั้งพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติขึ้น
ซึ่งนอกจากจะจัดแสดงของสมเด็จพระมหาวีรวงศ์รวบรวมไว้แต่เดิมแล้ว
ยังจัดแสดงศิลปโบราณวัตถุที่ได้จากแหล่งโบราณคดี โบราณสถานในจังหวัดนครราชสีมา
และจังหวัดใกล้เคียง
รวม ทั้งสิ่งของที่ประชาชนบริจาคให้เพิ่มเติมในภายหลังด้วย และตั้งชื่อพิพิธภัณฑสถานฯ ที่สร้างขึ้น เพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้ริเริ่มก่อตั้งว่า "พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ มหาวีรวงศ์"
รวม ทั้งสิ่งของที่ประชาชนบริจาคให้เพิ่มเติมในภายหลังด้วย และตั้งชื่อพิพิธภัณฑสถานฯ ที่สร้างขึ้น เพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้ริเริ่มก่อตั้งว่า "พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ มหาวีรวงศ์"
แหล่งโบราณคดีบ้านปราสาท (Archaeological Ste At Ban Prasat)
สถานที่ตั้ง : อำเภอโนนสูง
มี การขุดค้นเพื่อค้นหาโบราณสถาน 2 แห่ง แต่ละแห่งมีการขุด 3 หลุม ในความลึกต่างกัน 3.50-4.50 เมตร พบโครงกระดูดมนุษย์และศิลปวัตถุหลากหลายชนิด รวมถึงอาวุธโบราณที่มีรูปร่างเหมือนจานทำจากหิน เหมือนกับหินอ่อนสีขาวขนาดใหญ่ เครื่องประดับทำจากกระดูกสัตว์ เปลือกหอยและอาวุธขวานโบราณ สิ่งที่ถูกค้นพบในชั้นนี้เชื่อว่า เป็นของสมัยก่อนประวัติศาสตร์ประมาณ 3,000 ปีมาแล้ว ที่ความลึกของ 2.30-3.0 เมตร พบอาวุธสำริดโบราณ เช่น อาวุธที่ดูเหมือนหลาว ลูกปัดหินสีแปลก ๆ ภาชนะดินเผาแบบเคลือบโคลนสีแดง และเครื่องประดับเคลือบดินเผามีลวดลายสีดำ รวมทั้งข้อมือและกำไลข้อเท้าทอง เชื่อว่าสิ่งถูกค้นหาเป็นของในสมัยทวารวดี เมื่อ 1,600 –800 ปี มาแล้ว ที่ความลึก 1.50-2.0 เมตร ยังขุดค้นพบ เตาเผาและเครื่องปั้นดินเผาเคลือบสีที่มีรูปแบบการผสมผสานของขอมและร่วมสมัย ภาชนะที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับที่พบในช่วงเวลานี้ ภาชนะคล้ายกับที่พบในช่วงนี้ รวมถึง ดาบและอาวุธ ดูเหมือนว่าจะเป็นช่วงเวลาเดียวกัน สิ่งต่างๆ ที่ถูกขุดค้นพบเหล่านี้น่าจะมีอายุ อย่างน้อย 600 ปี จากการสำรวจโดยกองโบราณคดี เมื่อปี 2520 บ้านปราสาทมีพื้นที่ไม่สม่ำเสมอ ล้อมรอบด้วยคูเมือง วัดพื้นที่รอบนอกทั้งหมดได้ 700 x 450 เมตร พื้นที่ลาดไปทางทิศใต้มี จุดสูงสุดที่เพิ่มขึ้นเพียง 4 เมตรจากพื้นที่บริเวณรอบนาข้าว เป็นพื้นที่ที่เชื่อว่าเป็นชุมชนการเกษตรในสมัยก่อนประวัติศาสตร์ทางใต้ ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่มีอารยธรรมทั่วไปของตนเอง ซึ่งแตกต่างจากที่บ้านเชียงจังหวัดอุดรธานี ซึ่งมีอายุ เมื่อ 500-1,000 ปี มาแล้ว
สวนสาธารณะและอุทยาน (Park & National Park )
อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ (The Khao Yai Natioanl Park)
สถานที่ตั้ง : อำเภอปากช่อง
อุทยาน แห่งชาติ เขาใหญ่
มีพื้นที่ประมาณ 2,168 ตารางกิโลเมตรในเทือกเขาพนมดงรัก
ครอบคลุมพื้นที่ 4 จังหวัด คือ นครราชสีมา นครนายก สระบุรี
และปราจีนบุรี ป่าเขาใหญ่สมัยก่อนได้รับสมญานามว่า ดงพญาไฟ ที่ทั้งโหดทั้งดิบสำหรับผู้ที่ต้องเดินทางผ่านป่าผืนใหญ่ที่กั้นแบ่งเขตภาค
กลางและภาคอีสาน จนกระทั่งเมื่อประมาณปี พ.ศ.2465 ได้มีชาวบ้านประมาณ
30 ครัวเรือนไปตั้งหลักแหล่ง ถางป่าทำนาทำไร่
สันนิษฐานว่าเป็นพวกที่หลบหนีคดีมา ต่อมาพื้นที่เขาใหญ่ได้รับการประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติแห่งแรกของประเทศไทย
เมื่อวันที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2505 และได้รับสมญาว่าเป็นอุทยานมรดกของอาเซียน
แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ (Natural Attractions)
เขื่อนลำพระเพลิง (Lam Phra Phloeng Dam)
สถานที่ตั้ง : อำเภอปักธงชัย
อยู่ ในเขตอำเภอปักธงชัย
ใช้เส้นทางสาย ๓๑๔ ผ่านทางเข้าอำเภอปักธงชัยไปประมาณ 4 กิโลเมตร
จะพบสี่แยกเลี้ยวขวามือเข้าไปเป็นระยะทาง 28 กิโลเมตร
เป็นเขื่อนในความดูแลของกรมชลประทาน ชาวบ้านนิยมมาพักผ่อน รับประทานอาหาร
ตกปลาและชมทิวทัศน์ริมอ่างเก็บน้ำ มีบริการบ้านพักรับรองหลายหลัง
นักท่องเที่ยวสามารถเช่าเหมาเรือหางยาวไปชมบรรยากาศภายในอ่างเก็บน้ำ
เที่ยวน้ำตกคลองกี่หรือน้ำตกขุนโจนได้ โดยใช้เวลาไป-กลับประมาณ 3-4 ชั่วโมง
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : 0 4437 3184 ต่อ 117, 114
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : 0 4437 3184 ต่อ 117, 114
ถ้ำเขาจันทร์งาม (Khao Chan Ngam Cave)
สถานที่ตั้ง : อำเภอสีคิ้ว
ตั้ง อยู่ที่บ้านเลิศสวัสดิ์
จากตัวเมืองใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 2 (นครราชสีมา-สระบุรี)
ประมาณ 50 กิโลเมตร บริเวณกิโลเมตรที่ 200-201 มีทางแยกซ้ายเข้าไปประมาณ 3 กิโลเมตร
เป็นแหล่งศิลปะภาพเขียนก่อนประวัติศาสตร์ ซี่งอยู่บริเวณด้านหลังวัด
โดยเดินเท้าผ่านสวนหินและป่าธรรมชาติอันร่มรื่นและเงียบสงบเข้าไปประมาณ 150
เมตร จะพบภาพเขียนลงสีแบบเงาทึบสีแดงเป็นแนวปรากฎอยู่บนเพิงผาหินทรายด้านหนึ่ง
อยู่สูงจากพื้นดินประมาณ 4 เมตร
เป็นรูปคนและสัตว์ที่แสดงถึงวิถีชีวิตความเป็นอยู่หรือกิจกรรมบางอย่างของ กลุ่มคน
เช่น ลักษณะการแต่งกาย การดำรงชีวิต การล่าสัตว์
สันนิษฐานว่าเป็นศิลปะที่สร้างขึ้นโดยชุมชนเกษตรกรรมที่อาศัยอยู่ในบริเวณ
นี้มีอายุระหว่าง 3,000 – 4,000 ปี

เขื่อนลำตะคอง (Lam Takhong Dam)
สถานที่ตั้ง : อำเภอสีคิ้ว
ตั้ง อยู่ตำบลลาดบัวขาว
ห่างจากตัวเมืองประมาณ 62 กิโลเมตร มีทางแยกจากทางหลวงหมายเลข 2
(นครราชสีมา-สระบุรี) บริเวณกิโลเมตรที่ 196-197 ประมาณ 2 กิโลเมตร
เป็นเขื่อนดินสร้างกั้นลำตะคองที่ช่องเขาเขื่อนลั่นและช่องเขาถ่านเสียดในปี พ.ศ. 2571
เพื่อนำน้ำเหนือเขื่อนมาใช้ประโยชน์ในด้านชลประทาน
นักท่องเที่ยวสามารถเดินเที่ยวบนสันเขื่อน เพื่อชมทิวทัศน์ของอ่างเก็บน้ำ
ซึ่งมีฉากหลังเป็นภูเขาสวยงามเหมาะสำหรับพักผ่อนในยามแดดร่มลมตก
เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 06.00 น. – 18.00 น.
ไทรงาม (Sai Ngam)
สถานที่ตั้ง : อำเภอพิมายตั้ง อยู่ริมฝั่งแม่น้ำมูล บริเวณเขื่อนพิมาย โดยก่อนข้ามสะพานท่าสงกรานต์เข้าตัวอำเภอพิมาย จะมีทางแยกไปเขื่อนพิมายอีกประมาณ 2 กิโลเมตร บรรยากาศไทรงามแห่งนี้มีต้นไทรขึ้นอยู่เป็นจำนวนมาก ไทรเหล่านี้เกิดจากต้นไม้อายุประมาณ 350 ปี แผ่กิ่งก้านสาขาออกรากซึ่งเจริญเติบโตเป็นลำต้นใหม่มากมายครอบคลุมพื้นที่ กว้างขวาง ประมาณ 15,000 ตารางฟุต สถานที่นี้มีชื่อเสียงรู้จักกันมานานตั้งแต่ครั้งสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรม ราชินีนาถในรัชกาลที่ 5 เสด็จประพาสเมืองพิมายเมื่อวันที่ 21 มกราคม พ.ศ.2454 และได้พระราชทานนามว่า "ไทรงาม" ในบริเวณใกล้เคียงมีร้านขายของที่ระลึกและร้านอาหารหลายร้าน อาหารที่นักท่องเที่ยวนิยมมารับประทานกันมากคือ ผัดหมี่พิมาย (ผัดหมี่โคราช) ที่เส้นเหนียวนุ่มน่ากินไม่แพ้ก๋วยเตี๋ยวเส้นจันทร์
สวนสัตว์และสวนสนุก (Zoo & Amusement Park)
สวนสัตว์นครราชสีมา (Nakhon Ratchasima Zoological)
สถานที่ตั้ง : อำเภอเมือง
อยู่
ห่างจากตัวเมืองไปทางทิศใต้ตามทางหลวงหมายเลข 304(นครราชสีมา-ปักธงชัย)
ระยะทาง 18 กิโลเมตร เลี้ยวซ้ายเข้าถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9
(ทางหลวงหมายเลข 2310) อีกประมาณ 1 กิโลเมตร หากเดินทางรถโดยสารจากตัวเมืองสามารถใช้บริการรถปรับอากาศสาย 1415
(สุรนารี-สวนสัตว์)
สวน สัตว์นครราชสีมามีพื้นที่กว้างขวางถึง 545 ไร่
เป็นสวนสัตว์แบบซาฟารีกึ่งเปิดและปิดที่ทันสมัยได้มาตรฐานที่สุดแห่งหนึ่งใน เอเชีย
คอกสัตว์กว้างขวาง จัดสภาพแวดล้อมให้สอดคล้องกับนิสัยสัตว์แต่ละชนิด
ส่วนใหญ่เป็นสัตว์ป่าแอฟริกาที่น่าสนใจ ได้แก่ นกเพนกวิน แมวน้ำ ช้างแอฟริกา แรด
เสือชีต้าห์ สิงโต ม้าลาย ยีราฟ เป็นต้น และยังมีอาคารจัดแสดงสัตว์เลื้อยคลาน และสวนนกเงือก
จึงเหมาะแก่การทัศนศึกษาเรียนรู้ชีวิตสัตว์และพักผ่อนหย่อนใจ
ภายในสวนตกแต่งด้วยไม้ดอกไม้ประดับสวยงาม มีบริการรถพ่วงวิ่งรอบบริเวณ
รวมทั้งจักรยานให้เช่าอีกด้วย เปิดให้เข้าชมทุกวันระหว่างเวลา 08.00-18.00 น. อัตราค่าเข้าชม เด็ก 10 บาท ผู้ใหญ่ 30 บาท นักเรียน 5 บาท รถ 4 ล้อ 30
บาท
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น